วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

อีกหนึ่งปัญหาในมหาวิทยาลัย

     ขึ้นชื่อว่ามหาวิทยาลัย ที่ถือว่าเป็นสถาบันที่มีผู้คนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นคณาจารย์และนักศึกษา รวมถึงบุคลากรอีกมากมาย ย่อมมีปัญหาเกิดขึ้นทั้งนั้น ปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เกิดมาจากน้ำมือของคน ยิ่งคนมีจำนวนมากขึ้นเท่าไร ปัญหาก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
     ลองหันมามองดูที่มหาวิทยาลัยของเราว่ามีปัญหาอะไรบ้าง จริง ๆ แล้วภายในมหาวิทยาลัยของเรานั้นมีปัญหาเกิดขึ้นอยู่หลายอย่างมาก แต่ในที่นี้จะขอกล่าวเฉพาะบางปัญหาที่ปรากฏเด่นชัดเท่านั้น เช่น ปัญหาการแต่งกายของนักศึกษา โดยเฉพาะนักศึกษาหญิงที่ใส่กระโปรงสั้นเกินไป อาจกล่าวได้ว่ายิ่งเรียนสูงและมีความรู้มากเท่าไร กระโปรงที่ใส่ก็จะยิ่งสั้นตามเท่านั้น ซึ่งลักษณะการแต่งกายของนักศึกษาหญิงเช่นนี้ เกิดขึ้นเพราะกระแสนิยม โดยเฉพาะแฟชั่นที่กำลังมาแรงในตอนนี้ ทำให้นักศึกษาเหล่านี้รับเอากระแสความนิยมมาใช่โดยที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ จนลืมมองว่ามันคู่ควรหรือขัดกับขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมไทยเราหรือไม่
     ปัญหาต่อมา คือ ปัญหาการทิ้งขยะ ถือได้ว่าเป็นมลภาวะที่หนักหนาของมหาวิทยาลัยของเรา นักศึกษาส่วนใหญ่ขาดความรับผิดชอบ หรือมีความเห็นแก่ตัวทิ้งขยะเรี่ยราด อาจจะมีน้อยคนหนักที่จะมีจิตสำนึกรักสถาบันตนเอง อยากเห็นสถาบันตนเองสะอาด เป็นที่สถานที่รื่นรมย์ น่าอยู่ ทั้งนี้เพราะความเห็นแก่ตัว และเห็นว่ามีพนักงานทำความสะอาดอยู่แล้ว ตนเองจะทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ อยากจะทิ้งตรงไหนก็ทิ้ง อยากจะวางตรงไหนก็วาง เดี๋ยวพนักงานทำความสะอาดก็มาเก็บเอง ลำพังพวกเขาก็มีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบกันอยู่แล้ว เช่น ทำความสะอาดห้องน้ำ ทำความสะอาดอาคารเรียน หรือหน้าที่อื่น ๆ อีกมากมาย แล้วให้มาตามเก็บขยะที่นักศึกษาพากันทิ้งเรี่ยราดอีกก็คงเหนื่อยพอควร
     ปัญหาทุกปัญหาล้วนเกิดขึ้นมาเพราะน้ำมือของคน คนจึงถือได้ว่าเป็นบ่อเกิดของปัญหาต่าง ๆ ดังนั้นการที่จะแก้ไขปัญหาต่าง ๆ นั้น จะต้องมาแก้ที่คน แต่การแก้ปัญหาที่คนถือว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ เพราะคนแต่ละคนมีอุปนิสัยใจคอไม่เหมือนกัน มีรสนิยมไม่เหมือนกัน และมีอะไรอีกหลายอย่างที่ไม่เหมือนกัน ด้วยเหตุผลนี้เอง การแก้ปัญหาจึงเป็นเรื่องที่จะต้องทำอย่างมีขั้นตอนและรอบคอบที่สุด จึงจะสามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากน้ำมือของคนได้
     วิธีการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยของเรานั้น ฉันคิดว่า จะต้องแก้ที่ต้นเหตุของปัญหา ไม่ใช่แก้ที่ปลายเหตุของปัญหา เพราะฉะนั้นเราก็ต้องแก้ที่เรื่องของจิตใจ จึงจะสามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้ โดยพยายามปลูกฝังจิตสำนึกและค่านิยมที่ดีงามแก่นักศึกษาให้มากที่สุด เมื่อกระทำในส่วนนี้ได้ก็เท่ากับ
A’Pinya

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น