หลังจากที่พ่อเล่าให้ฟัง ก็อยากเห็นว่าย่าเหลเป็นยังไง พ่อจึงขับพาไปดู แต่เมื่อไปถึงสถานที่นั้นกลับปิด ไม่สามารถเข้าไปได้ จึงกลับมาค้นข้อมูลเพิ่มเติมในเว็บไซต์...
ย่าเหล เป็นสุนัขพันทางที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเลี้ยง และทรงโปรดปรานเป็นอย่างยิ่ง ภายหลังถูกลอบยิงจนตาย รัชกาลที่ 6 ทรงโทมนัสเป็นอย่างยิ่ง ถึงกับทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดงานศพ และสร้างอนุสาวรีย์ย่าเหลขึ้น ทั้งยังทรงพระราชนิพนธ์คำกลอนไว้อาลัยแก่ย่าเหลด้วย
ย่าเหลเป็นสุนัขพันทาง ขนปุย หางเป็นพวง สีขาว มีแต้มดำ หูตก เกิดในเรือนจำจังหวัดนครปฐม เดิมเป็นสุนัขของหลวงไชยราษฎร์รักษา (โพ เคหะนันทน์) ตำแหน่งพะทำมะรงหรือผู้ควบคุมนักโทษ (ภายหลังได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น พระพุทธเกษตรานุรักษ์) เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ยังดำรงพระยศเป็นพระบรมโอรสาธิราชฯ ได้เสด็จฯ ไปตรวจเรือนจำจังหวัดนครปฐม และทอดพระเนตรเห็นสุนัขตัวนี้ และตรัสชมว่าน่าเอ็นดู หลวงชัยอาญาจึงน้อมเกล้าฯ ถวาย พระองค์จึงทรงรับมาเลี้ยง และพระราชทานนามว่า 'ย่าเหล'

ย่าเหลเป็นสุนัขที่ฉลาดแสนรู้ และช่างประจบ คอยถวายความจงรักภักดีพระเจ้าอยู่หัวเสมือนเป็นทหารรักษาพระองค์ ทำให้เป็นที่โปรดปรานอย่างยิ่ง และด้วยเหตุนี้จึงสร้างความอิจฉาและเกลียดในหมู่ข้าราชบริพารบางคน หากข้าราชบริพารคนใดแต่งกายไม่เรียบร้อย ก็จะถูกย่าเหลกัดต่อหน้าพระที่นั่ง สร้างความละอายและเจ็บแค้นแก่ผู้ที่ถูกกัดนั้นเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นเมื่อพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินโดยลำพัง โดยมิได้นำย่าเหลไปด้วย จึงมีมหาดเล็กบางคนคอยทำร้ายเอาก็มี
สำหรับชื่อย่าเหลนั้น พระองค์ทรงตั้งจากชื่อตัวละครเอก เอมิล ยาร์เลต์ (Emile Jarlet) จากบทละครฝรั่งเศสเรื่อง "My friend Jarlet" ซึ่งได้ทรงพระราชนิพนธ์แปลเป็นบทละครภาษาไทย ชื่อ "มิตรแท้" และยังทรงพระราชนิพนธ์ละครพูดเรื่อง "เพื่อนตาย" ตามเค้าโครงภาษาอังกฤษด้วย
อนุสาวรีย์ย่าเหลอ้างอิงจาก...http://www.lifenewsonline.com/?ContentID=ContentID-091008104921409

หลังงานศพของย่าเหล พระเจ้าอยู่หัวทรงโปรดฯ ให้สร้างอนุสาวรีย์ขึ้น หล่อรูปย่าเหลด้วยโลหะทองแดง ประดิษฐานไว้หน้าพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ในพระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม และได้ทรงพระราชนิพนธ์บทกลอนไว้อาลัยแก่ย่าเหล จารึกไว้ที่ด้านข้างของอนุสาวรีย์ ดังนี้
๏ อนุสาวรีย์นี้เตือนจิตร์
|
ให้กูคิดรำพึงถึงสหาย
|
โอ้อาไลยใจจู่อยู่ไม่วาย
|
กูเจ็บคล้ายศรศักดิ์ปักอุรา
|
ยากที่ใครเขาจะเห็นหัวอกกู
|
เพราะเขาดูเพื่อนเห็นแต่เป็นหมา
|
เขาดูแต่เปลือกนอกแห่งกายา
|
ไม่เห็นฦกตรึกตราถึงดวงใจ
|
เพื่อนเป็นมิตร์ชิดกูอยู่เนืองนิตย์
|
จะหามิตร์เหมือนเจ้าที่ไหนได้
|
ทุกทิวาราตรีไม่มีไกล
|
กูไปไหนเจ้าเคยเป็นเพื่อนทาง
|
ช่างจงรักภักดีไม่มีหย่อน
|
จะนั่งนอนยืนเดินไม่เหินห่าง
|
ถึงยามกินเคยกินกับกูพลาง
|
ถึงยามนอน ๆ ข้างไม่ห่างไกล
|
อันตัวเพื่อนเหมือนมนุษสุจริต
|
จะผิดอยู่แต่เพียงพูดไม่ได้
|
แต่เมื่อกูใคร่รู้ความในใจ
|
กูมองดูรู้ได้ในดวงตา
|
โอ้อกกูดูเพื่อนอยู่หรัด ๆ
|
เพื่อนมาพลัดพรากไปไม่เห็นหน้า
|
กูเผลอ ๆ ก็เชง้อเผื่อเพื่อนมา
|
เสียงกุกกักก็ผวาตั้งตามอง
|
อันความตายเป็นธรรมดาโลก
|
กูอยากตัดความโศรกกระมลหมอง
|
นี่เพื่อนตายเพราะผู้ร้ายมันมุ่งปอง
|
เอาปืนจ้องสังหารผลาญชีวี
|
เพื่อนมอดม้วยด้วยมือทุรชน
|
เอารูปคนสรวมใส่คลุมใจผี
|
เป็นคนจริงฤๅจะปราศซึ่งปรานี
|
นี่รากษสอัปปรีปราศเมตตา
|
มันยิงเพื่อนเหมือนกูพลอยถูกด้วย
|
แทบจะม้วยชีวังสิ้นสังขาร์
|
จะหาเพื่อนเหมือนเจ้าที่ไหนมา
|
ช้ำอุราอาไลยไม่วายวัน
|
เมื่อยามมีชีวิตร์สนิทใจ
|
ยามบรรไลยลับล่วงดวงใจสั่น
|
ด้วยอำนาจจงรักภักดีนั้น
|
ขอให้เพื่อนขึ้นสวรรค์สำราญรมย์
|
ถึงจะมีหมาอื่นมาแทนที่
|
กูก็รักเพื่อนนี้เป็นปฐม
|
ที่ไหนเล่าจะสนิทและชิดชม
|
ที่ไหนเล่าจะนิยมเท่าเพื่อนรัก
|
ถึงแม้จะไม่มีรูปนี้ไว้
|
รูปเพื่อนฝังดวงใจกูตระหนัก
|
แต่รูปนี้ไว้เป็นพยานรัก
|
ให้ประจักษ์แก่คนผู้ไมตรี
|
เพื่อนเป็นเยี่ยงอย่างมิตร์สนิทยิ่ง
|
ภักดีจริงต่อกูอยู่เต็มที่
|
แม้คนใดเป็นได้อย่างเพื่อนนี้
|
ก็ควรนับว่าดีที่สุดเอย
|

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น