วันเสาร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2555

9 ขั้น เอ่ยคำ "ขอโทษ" อย่างมีฟอร์ม

     ไม่ว่าเหตุการณ์ที่ทำให้คุณและเขาต้องเดินหันหลังให้กันนั้น จะร้ายแรงเพียงใดก็ตาม หากมีคำ ขอโทษ เอื้อนเอ่ยออกจากปากของคนที่สำนึกผิด ความสัมพันธ์ที่ดูเหมือนว่าจะขาดผึ่งลงไปนั้น จะค่อย ๆ กลับมาผสานกันใหม่ได้อีกครั้ง เพราะคำ ขอโทษ เปรียบเสมือนคาถาสมานรอยร้าวของคู่รักทุกคู่แต่เอ! หากคน ๆ นั้นเป็นคุณ! คุณจะกล้าเดินเข้าไปเอ่ยคำขอโทษหรือเปล่าน๊า!! เอ่ยคำ ขอโทษ ทั้งที มันต้องมีฟอร์มกันหน่อย ลองเอาคำแนะนำด้านล่างนี้ไปใช้ดูซิค่ะ เผื่อผิดใจกันคราวหน้า คุณจะได้กล้าตัดสินใจเป็นฝ่ายเข้าไปขอโทษได้ไม่ยากนัก
     1. ลำดับเหตุการณ์ บางครั้งเพราะความสับสนไม่แน่ใจว่าตัวคุณผิดหรือเปล่านี่แหละ ที่เป็นเหตุให้คุณยังไม่สามารถทำใจยอมรับว่าตัวเองควรจะเป็นฝ่ายเดินเข้าไปขอโทษ การลำดับเหตุการณ์ในขณะที่คุณอารมณ์เย็นลงแล้ว ผนวกกับความรักที่คุณยังคงมีต่อเขา จะทำให้คุณมองเหตุการณ์อย่างเป็นธรรม คุณจะเห็นเรื่องราวชัดเจนขึ้น และรู้สึกเต็มใจที่จะเอ่ยคำ ขอโทษ
     2. บันทึกประเด็นที่คุณผิด การจดบันทึกนอกจากจะช่วยให้การลำดับเหตุการณ์ของคุณมีความแม่นยำขึ้นแล้ว ยังช่วยให้คุณดึงจุดที่เป็นความผิดพลาดของคุณออกมา เพื่อนำมาเป็นแนวทางในการเตรียมคำพูดที่จะใช้ในการกล่าวขอโทษได้ตรงประเด็นอีกด้วย ที่สำคัญในระหว่างนี้ คุณจะมีโอกาสในการเรียบเรียงความคิด และระงับความตื่นเต้น รวมทั้งความกลัวต่าง ๆ ได้
     3. เตรียมตัวให้พร้อม หากคุณรู้สึกตื่นเต้นมาก คุณอาจซ้อมพูดดูก่อนก็ได้ โดยพูดให้ได้ตามประเด็นที่ได้จดบันทึกไว้ การฝึกซ้อมบ่อย ๆ จะทำให้คุณสามารถควบคุมสถานการณ์จริงได้ไม่ยากนัก แต่ถ้าคุณไม่กล้าเผชิญหน้ากับเขาจริง ๆ ล่ะก้อ ลองเขียนความรู้สึกของคุณลงกระดาษ แล้วยื่นให้กับเขาก่อนรีบออกจากบ้านในตอนเช้าสิค่ะ นอกจากโรแมนติกแล้ว ยังเป็นการเปิดใจเขาให้พร้อมรับคำสารภาพของคุณในตอนค่ำอีกด้วย
     4. จี้ให้ตรงจุด การยอมรับผิดที่ตรงจุดนอกจากช่วยประสานรอยร้าวได้เร็วแล้ว ยังเป็นการแสดงความยึดมั่นในความคิดที่ถูกต้องของคุณอีกด้วย แถมบางทีอาจทำให้คู่ของคุณมีการปรับตัวในส่วนที่คุณไม่มีวันยอมรับได้เลยอีกต่างหาก แต่มีข้อแม้ว่า คุณไม่ควรไปพูดขุดคุ้ยในส่วนที่คุณยังคงมองว่าเป็นความผิดของเขา แต่ให้พูดเน้นหนักเฉพาะในส่วนที่คุณทำผิดเท่านั้น เว้นแต่คุณจะรู้สึกว่าความผิดที่คุณทำนั้น มีต้นเหตุมาจากส่วนที่ไม่ดีบางประการของเขา ถ้าอย่างนั้นก็ต้องถือว่ามีความจำเป็นจริง ๆ ที่คุณจะต้องเสริมทับในตอนท้าย
     5. อย่าคิดแก้ตัวเด็ดขาด เพราะถ้าคุณจะคิดแก้ตัว หรืออ้างโน่นอ้างนี่ คุณก็ไม่ต้องไปขอโทษเขาหรอก จะกลายเป็นต่อความยาวสาวความยืดเปล่า ๆ
     6. แลกเปลี่ยนการพูดคุย ขณะที่เขาพูด คุณควรหยุดฟังอย่างตั้งใจ และคิดตามในสิ่งที่เขาพูด จะทำให้คุณเข้าใจความรู้สึกของเขา และสามารถที่จะปรับความเข้าใจกันได้ง่ายขึ้น
     7. ยอมรับผิดโดยดุษฎี ไม่ว่าเขาจะแรงมาอย่างไร หรือมีปฏิกิริยาไม่พอใจคุณอย่างไร คุณก็ต้องจำยอมรับ และเป็นฝ่ายนิ่งให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ การนิ่งของคุณจะช่วยให้เขาสงบลงได้ จนคุณเริ่มมีโอกาสที่จะพูดในสิ่งที่คุณเตรียมมา
    
8. ขอโอกาสชดเชย ลองถามเขาดูว่า มีหนทางอะไรบ้างที่คุณพอจะทำเพื่อเป็นการชดเชยให้กับเขาได้ เท่าที่คุณจะทำให้ได้เพื่อเป็นการประสานรอยร้าว และทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกลับมาเหมือนดังเดิม อย่างน้อยที่สุดก็เพื่อลูก
     9. อย่าทำผิดซ้ำในเรื่องเดิม เพราะไม่มีใครที่จะอภัยให้คุณในเรื่องเดิม ๆ ได้อยู่ตลอดเวลา ที่สำคัญ การผิดซ้ำ ๆ ในเรื่องเดิม ๆ ไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่ทำพลาดไป แต่เป็นเรื่องที่คุณจงใจจะทำทั้ง ๆ ที่รู้อยู่ว่าไม่ถูกต้อง ถ้าเป็นอย่างนี้ รับรองว่า คำขอโทษไม่ช่วยอะไรคุณได้เลย มีหวังคงต้องเลิกลากันจริง ๆ สักวันแน่นอน
อ้างอิงจาก : http://webboard.yenta4.com/topic/232249

9 เรื่อง ที่วัยรุ่นอยากลบทิ้งไป

     ถ้าเรื่องแย่ ๆ น่าเวียนหัวทั้งหลายในโลกนี้ สามารถทำให้หายไปได้ง่าย ๆ เหมือนการกด Delete จะดีแค่ไหนหนอ เอาแค่ 9 เรื่องนี้ให้หายไปได้ล่ะก็วัยรุ่นทั้งโลกคงแฮปปี้ขึ้นอีกหลายสิบเท่าเลยทีเดียว

1.สิว
     ไม่เข้าใจเลยว่าในเมื่อธรรมชาติสร้างวัยรุ่นให้มีใบหน้าใส ๆ ก่อนโรยราไปตามสังขาร แล้วเหตุไฉนถึงต้องสร้างสิวมาให้สถิตตามใบหน้าด้วย พอเอาเม็ดนี้ออกไปได้เม็ดนี้จะสูญหายไปได้อย่างถาวร จะเป็นอะไรเวรี่กู้ดมาก ๆ เลยคร่า

2. ประจำเดือน
     เป็นผู้หญิงก็ลำบากแฮะ ไหนจะต้องคอยดูแลทั้งหนังหน้า สารร่าง และเส้นผมบนหนังกบาลแล้ว ก็ต้องมีเรื่องที่ทำให้จุกจิกกวนตัวอยู่ทุกเดือนอีก ถ้าวิวัฒนาการทางการแพทย์ก้าวไกล สามารถคิดค้นวัคซีนป้องกันการเป็นเมนส์ได้ละก็เอิ่มอ่าก็คงเป็น อะไรที่ฝืนธรรมชาติน่าดูเลยแฮะ (มนุษยชาติถึงคราวสูญพันธุ์ก็ตรงนี้แหละวุ้ย)

3. สมุดพกที่ได้เกรด 0
     อยากรู้จริง ๆ ว่าผู้ใดเป็นผู้ตั้งกฎว่าการวัดผลการเรียนควรแบ่งเป็นเกรด 4 3 2 1 และ 0 เขาหรือเธอผู้นั้นจะรู้ไหมว่าเป็นต้นเหตุนำไปสู่การทำให้พ่อแม่ผู้ปกครอง ต้องเคี่ยวเข็ญแอนด์เข้มงวดลูกหลานเกินความจำเป็น ยิ่งถ้าเป็นเกรดรูปไข่ติดมาในสมุดพกมีหวังโดนบ่นจนหูชาแน่ 

4. หนี้
     หนี้เนี่ย ไม่ว่าจะเป็นหนี้ไหน ๆ ก็ล้วนแต่ทำให้ลูกหนี้กุมขมับนอนก่ายหน้าผากเลยทีเดียว หนำซ้ำยังมีดอกเบี้ยติดมาด้วย แหม้มมมถ้าเป็นดอกเบี้ยหัวใจแล้ว จะไม่กลุ้มใจเลยสักนิด (เฮ้ย มั่วแล้ววุ้ย) เอาเป็นว่าขอสรุปเลยแล้วกัน ถ้าต้องปลดหนี้ด้วยการเป็นทาสรับใช้เศรษฐีหนุ่มหล่อ อย่างในละครเวทีละก็ยินดีคร่า (เอ่อ..ชักมั่วยิ่งกว่าเก่าอีกนะไอ้คนเขียน)

5. แฟนของคนที่เราแอบชอบ
     เรื่องหัวใจมันกะเกณฑ์ไม่ได้จริง ๆ คนที่ควรชอบก็ไม่ชอบ ดั๊นนนไปหลงรักคนที่มีแฟนแล้ว จะให้ใจกล้าหน้าด้านแย่งแฟนชาวบ้านมาครอบครองก็ทำไม่ลง เพราะเสน่ห์และคารมมีไม่พอหุหุ ก็ได้แต่วาดฝันลม ๆ แล้ง ๆ ไปว่า ถ้ามีพรวิเศษจริง ก็ขอให้แฟนของคนที่เราชอบหายลับหายไปสักทีเทิ้ด

6. การบ้านกองโต
     ชีวิตวัยรุ่นร่าเริงลั้นลาเนี่ย มักจะมาจอดสนิท เหี่ยวเฉาสุด ๆ ก็เมื่อเจอการบ้านนี่แหละ แถมส่วนใหญ่มักจะเป็นการบ้านกองโตเสียด้วย สาเหตุมาจากพฤติกรรมดินพอกหางหมูนี่แหละ เมื่อไหร่นะ ? เมื่อไหร่ที่คุณครูจะเลิกแจกการบ้านให้นักเรียนสักที? วันนั้นจะมาถึงเมื่อไหร่กัน??? (คงเป็นวันที่โลกแตกนั่นแหละ)

7. ครูที่จุกจิกจู้จี้     ก็เข้าใจว่าที่ครูคอยจุกจิกจู้จี้พร่ำบ่นพวกเราน่ะ ก็ด้วยความเป็นห่วงหวังดีอย่างจริงใจ แต่คุณครูขาพวกหนูเป็นพวกโสตประสาทระดับต่ำกว่ามาตรฐาน เวลาฟังอะไรซ้ำ ๆ นาน ๆ เข้า ก็มักจะเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาไม่ได้ซึมเข้าไปในเซลล์สมองค่ะ

8. สัตว์เลื้อยคลานที่น่ารังเกียจ     งูเหลือม งูหลาม จิ้งจก ตุ๊กแก กิ้งก่า จิ้งเหลน และอีกสารพัดสัตว์เลื้อยคลานน่าขยึกขยึย แค่นึกภาพในหัวก็ขยะแขยงไปถึงขั้วหัวใจแล้ว ก็ดูสิทั้งรูปร่าง สี หรือผิวหนัง แบบว่าอั๊กลี่มากไม่รู้ธรรมชาติสร้างขึ้นมาได้ไง อี๋ ๆ ๆ ถ้าหายไปจากโลกนี้ไม่ได้ด้วยเหตุผลทางนิเวศวิทยา ก็ขอให้น่ารักสักเศษเสี้ยวของหนูแฮมทาโร่ ก็ยังดี

9. ไขมัน     ไอ้นี่แหละ คือตัวการที่ทำหลายคนต้องสูญเสียความสวย ความมั่นใจ ความภาคภูมิ ศักดิ์ศรี เสรีภาพ และอื่น ๆ อีกมากมาย แถมมันยังติดเหนียวหนึบตามร่างกายยิ่งกว่าหมากฝรั่งติดพื้นรองเท้าเสียอีก กว่าจะแกะออกไปได้ ก็ช่างยากเย็นหนักหนา แต่นี่น่ากลัวกว่านั้นก็ตอนที่มันหวนกลับคืนมาน่ะสิ คราวนี้ล่ะติดหนึบยิ่งกว่ากาวตราช้างสิบหลอดรวมกันเสียอีก

อ้างอิงจาก : http://webboard.yenta4.com/topic/515361

วันศุกร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2555

ของขวัญในชีวิต

 
คุณเคยถามตัวเองหรือไม่ว่าสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณคืออะไร?
คำตอบสำหรับคำถามนี้ในแต่ละคนต่างกัน แต่มีใครเคยคิดบ้างว่า
การที่คนเราได้เกิดมาในโลกใบนี้ ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว
ความมหัศจรรย์ของชีวิตเกิดขึ้นเมื่อเราลืมตาขึ้นมาดูโลก ถึงแม้บางคนจะบอกว่าเราเกิดมาใช้กรรม แต่นอกจากใช้กรรมแล้ว เรายังสามารถสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ให้เกิดขึ้นได้อีกมากมาย ได้ค้นพบประสบการณ์ใหม่ ๆ เก็บเกี่ยวสิ่งดี ๆ ให้กับตนเองและคนรอบข้างไม่จบไม่สิ้น ตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่ ถึงแม้ว่าจะมีอุปสรรคในการดำเนินชีวิต ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีอีกเช่นกัน
การที่เราได้เกิดมาบนโลกใบนี้ เราไม่ได้เอาอะไรติดตัวมาเลยแม้แต่ชิ้นเดียว เราเกิดมาตัวเปล่าดังนั้น ชีวิตหลังจากนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเรา ขอให้ถือว่ามันคือกำไรชีวิต ถึงแม้ว่าเรื่องราวที่เราได้พบจะทำให้เราร้องไห้ ผิดหวังแค่ไหนก็ตาม แต่มันก็ทำให้เราเข้มแข็งและกล้าที่จะยอมรับความจริง นั่นคือบททดสอบ มันทำให้ความเป็นคนของเราสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ทุกอย่างถือเป็นกำไรทั้งสิ้น ไม่มีคำว่าขาดทุน
ทุกคนได้รับของขวัญโดยเท่าเทียมกันทุกคน ไม่เว้นแม้แต่คนเดียว ทุกคนเริ่มต้นใหม่ได้เสมอได้ทุกวัน โปรดอย่ากำหนดชีวิตตัวเองด้วยการจากโลกนี้ไป ถ้าคุณทำแบบนั้น คุณจะไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร ไม่มีอะไรเกินความสามารถของคนเราไปได้เลย ถ้ายังมีความหวัง และคิดเสมอว่าทุกย่างก้าวของชีวิต ทุกลมหายใจที่มีอยู่ ทุกอย่างคือกำไร